Pawnshop Bosses Band

Pawnshop Bosses Band

Pawnshop Bosses Band

Every Thursday night is the time for the Pawnshop Bosses Band – a name that represents the living legends of Bangkok’s live music scene – Frank and Elle.  They are simply a must-see act, as their music career spans from the time of the Vietnam war when Frank had played for GI’s at the infamous Patpong, through the 80s when they tied the knot and began performing together, then spent six years in India, before they came back to Bkk where they have performed in over 60 venues so far. Their repertoire will take through various eras, as they flip through several thick handwritten songbooks (such a rare sight nowadays) while chatting with the audience in between the songs. They will grant you any request if they can perform it, but you will also learn a lot about music trivia and history in general. Get ready to laugh and cry, and even take the stage if you can sing your favorite tune!

Whim

Whim

Whim Wisatuporn Jingjit’s acoustic session starts our weekly music schedule every Wednesday. Originally from the coastal town of Trang, Whim learned to play the guitar from his father, who was a teacher and a musician. His first band from high school was influenced by hard rock, grunge, and ’90s Indie music. Once he’d moved to Bangkok he started hanging out at AdHere 13th Blues Bar, where he learned to play blues from Pi Pong, the legendary bar’s owner and one of Thailand’s best guitar players. He formed a blues band called The Vintagers, which has been present on the Bkk’s live music scene for over a decade. Whim has a wide repertoire and can take you through various musical genres with his smooth voice and versatile guitar skill. Very often he’s joined by fellow musicians, therefore we’ve learned to always expect the unexpected on his nights. Joins us on Wednesday nights and let’s see what happens!

Lips Manly

Every Saturday, Lips Manly present their unique Neo Vintage Swing Eclectic Pop style. All the covers and originals have been heavily “lipsified” by the frontman Will Christopher Corbin, a man from Florida with the ukulele and a mic with special powers! Powered by the French drummer Ludovic and Thai guitarist Pong, Will will (pun intended) deliver the most incredible renditions of Depeche Mode, Police, David Bowie, Talking Heads, Dead or Alive, Bruce Springsteen, Blondie and even throw in some rap and sing in Thai, and soooo much more! If you’re familiar with these names, we guarantee you will jump up to the ceiling, and if not, well then even more reason to educate yourself by coming to the gig! Just beware of irreversible addiction symptoms after a quick exposure! We’ve already got them all!

Bangkok Design Week Test Opening

Not fully open, just testing…

Dear BM friends, so many things have happened last weekend, we still haven’t had time to process it. Although we were not fully ready to open this month, we’d seen Bangkok Design Week as the perfect opportunity to have a trial run and present our “baby” to the world.

The task was overwhelming at times, but the reactions and the vibe created in those two days have by far exceeded all our expectations! People used words like – homey, lovely, good energy, relaxing, great sound – to describe their first impressions, and we are over the moon for it as that was exactly the vibe we wanted to create.

Our walls are still bare and our menu is very limited for now, but we’ve got the two most important ingredients for our bar to get it’s “mojo working” –  great music and fabulous crowd!

There are so many people to thank for helping us in making this happen, before all
Charoen43 for giving us this opportunity, all the musicians that came to fill out place with sweet sounds of music, and last but certainly not the least all our friends that came to support us and new friends that hopefully will become a part of our community!

Please keep checking our website and social media for announcements on our next soft opening activities.

 

See you soon at Bangkok Mojo!|

 

เรายังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ…
สำหรับแฟนๆ BM ที่ถามไถ่กันมาเยอะมาก ทางเราอยากจะแจ้งให้ทราบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าเราจะยังไม่พร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเปิดในเดือนนี้ แต่เราได้เห็นงาน Bangkok Design Week ซึ่งเป็นโอกาสที่เหมาะสมสำหรับการ “ทดลองงาน” ของเรา
ถึงแม้ว่าบางครั้งงานก็ท่วมท้น แต่การตอบรับจากเพื่อนๆและแฟนๆทุกคน
ทำให้บรรยากาศที่เกิดขึ้นสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเกินความคาดหมายของเรามาก! เพื่อนๆที่ได้เข้ามาสัมผัส BM ต่างอธิบายความประทับใจแรกพบว่า อบอุ่น น่ารัก มีพลัง ผ่อนคลาย เสียงดีเยี่ยม ซึ่งทำให้เรารู้สึกปลาบปลื้มและอิ่มเอมใจเป็นอย่างมาก เพราะนั่นเป็น
บรรยากาศที่เราต้องการสร้างอย่างแท้จริง
แม้ผนังของเรายังว่างอยู่และเมนูของเรามีจำกัดมากในตอนนี้ แต่เรามีส่วนผสมที่สำคัญที่สุด
สองอย่างสำหรับบาร์ของเราเพื่อให้ “BM ทำงานได้” นั่นก็คือ “เพื่อนฝูง”
ที่เข้ามาเยียมเยียน และ “ดนตรีไพเราะ”! มีคนมากมายที่เราอยากขอบคุณ
ที่ช่วยเราทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น และขาดไม่ได้คือ @Charoen43 ที่ให้โอกาสเรา นักดนตรีทุกคนที่มาเติมเต็มสถานที่นี้ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะ
และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด…เราขอขอบคุณเพื่อนของเราทุกคนที่มาสนับสนุนเรา และเพื่อนใหม่ที่หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนของเรา! เราจะโพสต์วิดีโอเพิ่มเติม
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คอยติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ที่นี่ พบกันเร็วๆนี้ที่ Bangkok Mojo!
JIMMY ROGERS : LUDELLA

JIMMY ROGERS : LUDELLA

สวัสดีครับท่านผู้(ที่ยัง)อ่านงานเขียนของผม(ฮา!) หลังจากที่เฟซบุคบล็อคการแชร์บทความจากเว็บไซต์ของผมอยู่สองสามเดือน บวกกับเรื่องวุ่นวายทั้งหลายแหล่ในช่วงที่ผ่านมาสุดท้ายก็ทำให้เบรคไปรวมๆแล้วก็หลายเดือนอยู่ แต่ตอนนี้อะไรๆเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเราก็ได้กลับมาว่ากันต่อครับ ความตั้งใจลึกๆนั้นไม่ได้สนใจจะเรียกหาความสนใจหรือยอดไลค์มากไปกว่าการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมบลูส์ที่รักและสนใจในดนตรีชนิดนี้อย่างจริงจัง ดังนั้นผมจะไม่กล่าวถึงหรือพยายามหยิบโยงบลูส์เข้ากับเรื่องราวของจิตวิญญาณมากนักถึงแม้ว่าจะเป็นกิมมิคที่กระตุ้นยอดไลค์ยอดแชร์ได้ดีมากๆก็ตามที อาจจะอ่านแล้วตื่นเต้นน้อยกว่าหน่อย แต่รับรองว่าจะเป็นเรื่องราวที่เป็นประโยชน์กับผู้ที่รักจะศึกษาดนตรีบลูส์ครับ

วันนี้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจอยู่ๆก็นึกถึงอัลบั้มชิคาโก้บลูส์ที่ถือได้ว่าสุดยอดมากๆอัลบั้มหนึ่งของ Jimmy Rogers มือกีตาร์คู่บุญของมัดดี้ วอเตอร์สในยุคแรกเริ่ม อันที่จริงหากจะกล่าวว่าจิมมี่ รอเจอร์สคือหนึ่งในคนที่เป็นต้นกำเนิดของการเล่นกีตาร์ไฟฟ้าในแบบชิคาโกบลูส์จริงๆแล้วก็คงจะไม่ไกลจากความจริงมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราจะถือเอาไลน์อัพคลาสสิคของ Muddy Waters Band เป็นบรรทัดฐานที่มีอิทธิพลกับวงในยุคต่อๆมามากที่สุด เนื่องจากการเล่นซัพพอร์ตมัดดี้และลิตเติ้ล วอลเตอร์(harmonica) ในแบบของจิมมี่ในยุคนั้นถือว่าครบเครื่องและสวยงามมากๆ นอกจากการเปลี่ยนมาเล่นสไลด์บนกีตาร์ไฟฟ้าของมัดดี้แล้ว การปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นอคูสติคบลูส์ให้มาเล่นบนกีตาร์ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะเจาะของจิมมี่นี่แหละครับที่เป็นต้นแบบของชิคาโก้บลูส์ให้กับมือกีตาร์ในยุคต่อๆมา หากใครเคยได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Cadillac Records ช่วงที่มัดดี้เริ่มฟอร์มวง Headhunters ไปแย่งงานชาวบ้านเขาตามคลับต่างๆอันนั้นคือจุดเริ่มต้นซึ่งจิมมี่ก็คือหนึ่งในสามสมาชิกตั้งต้นของทีมนี้ซึ่งสุดท้ายคลี่คลายมาเป็น Muddy Waters Band นั่นเองครับ

คราวนี้มาพูดถึงอัลบั้มนี้กันสักหน่อยครับว่าพิเศษยังไงทำไมถึงเลือกมาแนะนำให้ฟังกัน อันที่จริงอัลบั้มนี้นั้นออกมาในปี 1990 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงบั้นปลายของชีวิตของจิมมี่แล้ว(เสียชีวิตในปี 1997) นี่คือช่วงการกลับมาทำงานดนตรีครั้งสุดท้ายหลังจากที่ห่างหายไปเป็นเวลานานของจิมมี่ ส่วนเพลงจากอัลบั้มนี้ก็คือเพลงเก่าที่เขาเคยปล่อยไปแล้วทั้งหมดในอดีต แต่การนำกลับมาทำใหม่ด้วยการรวมตัวของเพื่อนเก่าสุดยอดไซด์แมนจากชิคาโก้ในอดีตที่ยังทำงานดนตรีอยู่ในขณะนั้นไม่ว่าจะเป็น Pinetop Perkins(piano), Willie “Big Eyes” Smith(drums), Bob Stroger(Bass), Hubert Sumlin(Guest Guitarist) และ Kim Wilson (มือฮาร์โมนิก้าที่มาแทนที่ลิตเติ้ล วอลเตอร์ผู้ล่วงลับ)ได้อย่างดีเยี่ยมนั้นทำให้อัลบั้มนี้น่าสนใจมากๆครับ

อัลบั้มนี้ถึงแม้จะไม่ได้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เหมือนอย่างอัลบั้มคลาสสิคหลายๆอัลบั้มที่นักดนตรีระดับตำนานเหล่านี้เคยได้ร่วมบรรเลงในอดีต แต่นี่คืออัลบั้มที่ฟังสนุกมากๆและได้เห็นเสน่ห์ของชิคาโก้บลูส์แท้ๆได้อย่างชัดเจนเนื่องด้วยเทคนิคการอัดเสียงและการมิกซ์ในสมัยใหม่ เปรียบเสมือนการเอารูปเก่าขาวดำที่มีรอยด่างดำและมีสีซีดจางไปเข้าโปรแกรมบูรณะและออกมาเป็นภาพสีสดใสเห็นเราได้เห็นรายละเอียดที่อาจจะผ่านตาไปในตอนแรก

อัลบั้มนี้เป็นหนึ่งในหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าก่อนที่ฟอร์แมตวงในแบบชิคาโก้บลูส์จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นวันแมนโชว์ และกลายเป็นบลูส์ร็อคในยุคต่อมาที่สมาชิกวงมีหน้าที่แบ็คอัพให้ฟรอนท์แมนโชว์ทักษะการโซโล่ให้โลกตะลึงนั้นลักษณะการรวมวง(ensemble)ในยุคแรกๆทุกคนจะมีอิสระในการเล่นค่อนข้างที่จะเท่าเทียมกันและจะพยายามเล่นให้สอดคล้องเติมเต็มที่ว่างซึ่งกันและกัน เป็นลักษณะการพูดคุย(conversational) และถามตอบ(question & answer) ระหว่างกันเป็นหลัก ทั้งนี้จะเรียกว่าเป็นสภากาแฟในทางดนตรีก็คงจะไม่ผิดนัก การที่มีอัลบั้มอย่างนี้ให้เราศึกษาจึงเป็นโอกาสดีที่ควรแนะนำกันครับ อัลบั้มนี้เปรียบไปก็คือการที่เรานั่งดูผู้เฒ่าผู้แก่ในวงการบลูส์เขาคุยกันผ่านทางเสียงดนตรี ไม่ว่าท่านผู้อ่านจะเล่นเครื่องดนตรีชิ้นไหนก็สามารถศึกษาเก็บเกี่ยวอะไรดีๆได้มากมาย หรือแฟนบลูส์จะติดตามฟังเพราะใจรักก็ยืนยันว่าพลาดไม่ได้ครับ.