Sonny Boy Williamson II

by | Jul 16, 2019 | The Artists | 0 comments

เมื่อก่อนตอนสมัยที่ผมเพิ่งฟังบลูส์มายังไม่นานมาก นอกจากเหล่ากีตาร์ฮีโร่สายบลูส์ทั้งหลายที่ทุกคนต้องรู้จัก จะให้ย้อนกลับไปถึงต้นตอของบลูส์เอาเข้าจริงๆตอนนั้นก็นึกออกอยู่ไม่กี่ชื่อ Robert Johnson, Muddy Waters, Three kings, Buddy Guy พวกนี้มองย้อนกลับไปจริงๆแล้วก็ต้องโทษนิตยสารดนตรีต่างๆอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะถึงแม้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้เข้าถึงข้อมูลที่เราไม่เคยได้รู้(สมัยนั้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตยังเข้าถึงไม่ง่ายเหมือนตอนนี้) แต่ก็เป็นส่วนสำคัญเหมือนกัน ที่จำกัดเรื่องราวให้เรารับรู้วนๆเวียนๆอยู่แค่ Jimi Hendrix, SRV, เรื่องการค้าทาส, ขายวิญญานตรงทางแยก, ฯลฯ เหตุผลก็ง่ายๆตรงที่ว่าเรื่องพวกนี้มันขายง่าย วัยรุ่นอ่านแล้วมันซูซ่าอยากไปหยิบกีตาร์มาฝึกโซโล่ แต่บ่อยเข้าหรือนานๆเข้าพวกนี้จริงๆมันก็พาเราไปถึงทางตันที่น่าเบื่อได้เหมือนกัน ให้นึกสงสัยว่า เอ๊ะ บลูส์มันมีแค่นี้จริงๆหรือยังไง

ศิลปินในกลุ่ม Blues Masters รุ่นใกล้เคียงกันกับ Muddy Waters ที่มีชื่อเสียงรองๆลงไปคนแรกที่ผมได้ฟังและประทับใจมากและอยากเอามาพูดถึงคือ Sonny Boy Williamson II(Alex Rice Miller) มือฮาร์โมนิก้าฝีมือดีที่นิสัยส่วนตัวอาจจะกวนเบื้องล่างของใครต่อใครในยุคนั้นอยู่สักหน่อย เรื่องราววีรกรรมของเขานั้นเยอะครับ เพราะความที่เป็นคนตุกติก ติดเหล้า และนิสัยเรื่องผู้หญิงนั้นก็มักจะสร้างปัญหาให้ตัวเองอยู่เรื่อย ยกตัวอย่างวีรกรรมอันดับแรกก็ต้องพูดถึงที่มาของชื่อของเขาสักหน่อย ชื่อจริงของเขานั้นอยู่ในวงเล็บซึ่งก็คือ Rice Miller ส่วนชื่อ Sonny Boy Williamson นั้นที่ต้องมีหมายเลขสองต่อท้ายก็เพราะเขาไปสวมรอยเอาชื่อคนอื่นมาใช้ครับ! เรื่องของเรื่องคือตอนที่เขาเริ่มจะมีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองมิสซิสซิปปี้ในฐานะมือฮาร์โมนิก้านั้น ในชิคาโก้นั้นก็มีมือฮาร์โมนิก้าฝีมือดีชื่อ Sonny Boy Williamson อยู่แล้ว คนนี้นี่ฝีมือดีถึงขนาดเรียกว่าบิดาของบลูส์ฮาร์โมนิก้าเลยก็ว่าได้ ส่วน Rice Miller ขณะนั้นจะเห็นเป็นโอกาสหรืออย่างไรไม่ทราบได้ก็ถือโอกาสประกาศกับเจ้าของเฟสติวัล ผู้ว่าจ้างทั้งหลายในแถบมิสซิสซิปปี้ว่าเขานี่แหละคือ Sonny Boy Williamson แต่เนื่องจากเมืองทั้งสองนั้นอยู่ไกลกันมากจนคนสมัยนั้นแทบไม่มีทางรู้ กว่าเรื่องจะไปถึงหู Sonny Boy ตัวจริง Rice Miller ก็ได้กลายเป็น Sonny Boy ไปแล้วเรียบร้อย เกิดเป็นความสับสนอยู่พักใหญ่จนต่อมาบริษัทแผ่นเสียงจึงตัดสินใจใส่หมายเลขหนึ่ง และสองต่อท้ายชื่อของทั้งคู่เพื่อแก้ปัญหา อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นที่กล่าวขานถึงนิสัยตุกติกตรงข้ามกับฝีมือที่ไม่เป็นรองใครก็คือเรื่องที่เขาไปรับงานจ้างมาให้เอาวงไปเล่นที่ Juke Joint เงินก็รับเขามาสำหรับทั้งวง คนในวงก็เตรียมตัวกันไปเล่นที่งาน ไปถึงหน้างานก่อนงานเริ่มเขาก็ดันไล่สมาชิกออกทั้งวงเสียอย่างนั้น อ้างเหตุผลต่างๆนานา แล้วเขาก็ไปบอกเจ้าของงานว่าร้านแค่นี้เขาคนเดียวก็เอาอยู่สบายๆ เรื่องของเรื่องคือเขาทำได้เสียด้วย สุดท้ายคือรับงานราคาเต็มวง แต่เข้าไปเล่นคนเดียว ค่าจ้างรับเต็มๆคนเดียว! คนแบบนี้ก็มีครับ แสบจริงๆ

พูดเรื่องนิสัยส่วนตัวของเขาไปพอประมาณก็ขอพูดถึงผลงานดนตรีของเขาสักหน่อย ศิลปินนี้เป็นคนแรกครับสำหรับผมที่ทำให้เริ่มเห็นว่าบลูส์นั้นไม่ต้องดัง ไม่ต้องตะคอก ตะโกน ก็เสียวสันหลังวาบได้ สไตล์ของเขานั้นกึ่งร้องกึ่งพูด เป่าฮาร์พไม่ดัง แต่สำเนียงและเทคนิคดี ทั้งร้องทั้งเป่าสื่อความหมายได้ชัดเจนมากครับ หลายๆเพลงที่เนื้อเพลงพูดถึงคนอารมณ์หมิ่นเหม่ที่จะก่ออาชญากรรม หรือทำอะไรไม่ดีนี่บางทีผมเชื่อสนิทใจ เพราะมันรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้แสดงเป็นใครอื่น มันมาจากคนที่เป็นแบบนั้นจริงๆ พูดอย่างไรก็ร้องและเล่นออกมาอย่างนั้น ตามขนบดั้งเดิมของบลูส์เลยก็ว่าได้ นอกเหนือไปจากนั้นหลายๆเพลงของเขานั้นก็ดีเข้าขั้นเป็นบลูส์สแตนดาร์ดครับ ถึงจะไม่ได้ถูกนำมาเล่นบ่อยครั้งเท่าเพลงของ Muddy Waters แต่เพลงอย่าง Help Me, Don’t start Me To Talking, Eyesight To The Blind ก็น่าจะผ่านหูแฟนเพลงบลูส์กันมาบ้างไม่เวอร์ชั่นใดก็เวอร์ชั่นหนึ่ง และเรื่องสุดท้ายที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือลีลาบนเวทีของเขาครับ อย่างที่บอกไปข้างต้นครับว่าแนวการเล่นการร้องของเขานั้น ไม่ได้กระโชกโฮกฮาก ออกไปทางกึ่งร้องกึ่งพูดเสียด้วยซ้ำ บุคลิกบนเวทีและการแต่งตัวของก็เหมือนการเล่นของเขายังไงยังงั้นครับ ไม่ว่าจะเป็น Suitcase, ร่ม, Bowler hat ที่เขามักจะต้องถือขึ้นเวทีเพื่อเป็นพร็อพการแสดง ย้ำนะครับ เพื่อเป็นพร็อพเท่านั้น! การพูดหรือร้องที่บางครั้งตั้งใจเบาจนทั้งสตูดิโอต้องเงี่ยหูฟัง บทจะโชว์ฝีมือขึ้นมาบางครั้งเขาก็เอาฮาร์โมนิก้ายัดใส่ปากแล้วเป่าโดยไม่ใช้มือ หรือแม้กระทั่งเป่าทางจมูกก็ทำมาแล้ว! ถือเป็น One of a kind จริงๆครับ น่าเสียดายว่าเขานั้นไม่ชีวิตอยู่ไม่นานมาก เสียชีวิตเมื่ออายุห้าสิบกว่าๆเนื่องจากสภาพร่างกายไม่แข็งแรงอันเป็นผลต่อเนื่องมาจากลักษณะการใช้ชีวิตอันหนักหน่วง ไม่เช่นนั้นคงมีงานดีๆให้เราได้ย้อนกลับไปติดตามมากกว่านี้

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวเล็กๆน้อยๆของยอดมือฮาร์โมนิก้าตัวแสบคนนี้ที่อยากเอามาเล่าสู่กันฟังครับ.